มะละกอ
ส้มตำมะละกอหลากสูตร ไม่ว่าจะเป็นตำไทย ตำไทยปู ตำปลาร้า ตำปูปลาร้า ตำซั่ว หรือแม้แต่ตำโคราชที่รวมเอาทุกอย่างเข้าด้วยกัน ล้วนอร่อยเด็ดแถมยังหามารับประทานได้ง่าย ด้วยเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกภาค รวมไปถึงชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้ลิ้มรสปาปาย่าสลัดหรือปาปาย่าป๊อก ๆ
ผลดิบหรือผลห่ามยังนิยมนำไปทำแกงส้มปลาช่อนหรือแกงส้มกุ้งแกงเหลือง ผัดกับไข่ ทำต้มจืด หรือนำไปดอง ยางจากผลใช้สำหรับทำให้เนื้อเปื่อยเร็วจะใช้แบบสด ๆ หรือไปซื้อแบบผงที่ขายกันตามท้องตลาดที่เรียกว่าผงเปื่อยก็ได้ ซึ่งยางจากผลมะละกอแก่จะทำให้เนื้อนุ่มกว่าน้ำสับปะรดถึง 20 เท่า ปริมาณที่พอเหมาะสำหรับใช้หมักเนื้อคือ 12 หยดต่อเนื้อ 1 กิโลกรัม เพราถ้าหากใช้มากไปจะทำให้เนื้อเกิดรสขมและมีกลิ่นยางมะละกอแถมไปด้วย ผลสุกใช้รับประทานเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง โดยในผลสีแดงจะมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าพันธุ์สีเหลืองใช้ทำแยม ทำเครื่องดื่มและน้ำหวาน
ลักษณะทั่วไป
มะละกอเป็นไม้เนื้ออ่อนฉ่ำน้ำ มียางสีขาว ไม่มีแก่น วงศ์ CARICACEAE สูง 3 – 6 เมตร ใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก ๆ ออกที่บริเวณยอดลำต้น ดอกตัวผู้และดอกตวเมียอยู่คนละต้น ดอกตัวผู้จะออกเป็นช่อห้อยหัวลงมา ส่วนดอกตัวเมียออกเป็นกระจุกหรือออกดอกเดี่ยว ผลมีหลายลักษณะตามพันธุ์ที่ปลูก เช่น กลม ยาวรี ทรงกระบอก เมื่อยังอ่อนเปลือกนอกสีเขียว เนื้อในสีขาวแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มหรือแดงเมื่อสุก ภายในมีเมล็ดสีดำมีเยื่อหุ้ม
มะละกอขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด โดยก่อนเพาะควรล้างและแกะเยื่อหุ้มออกก่อน ชอบดินที่มีระบายน้ำดีไม่ชอบน้ำท่วมขัง เพราะรากจะเน่าง่ายแต่ต้องการน้ำมากและแสงแดดจัด
“มะละกอ” ผลไม้ใช้เป็นยา
ในผลดิบมีเอนไซม์หรือน้ำย่อยหลายชนิด ที่สำคัญคือปาเปน (papane) มีคุณสมบัติที่ร่างกายผลิตขึ้นสำหรับย่อยอาหารประเภทโปรตีนและอาหารประเภทแป้ง และยังมีเพ็คติน (pectin) หรือกากอาหารสูง การรับประทานมะละกอดิบจึงมีผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ทว่าในสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานมากนัก เนื่องจากพบว่าในเนื้อมะละกอดิบจะช่วยขับประจำเดือนและทำให้คลอดง่าย สตรีที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ หากทานมากไปอาจทำให้แท้งได้
ยางจากผลดิบใช้ขับพยาธิตัวกลม ช่วยกัดแผล รักษาตาปลาและหูด
ผลสุกจะมีสารอาหารและวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินเอและวิตามินซี ซึ่งช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนี้ยังมีเพ็คติน (pectin) ที่จะช่วยรักษาอาการท้องผูกและท้องเสียในคราวเดียวกัน สำหรับรักษาอาการท้องเสียสารเมื่อกลิ่นของเพ็คตินจะช่วยให้อุจจาระแข็งตัวแทนที่จะถ่ายเหลวออกมา และสำหรับอาการท้องผูกเพ็คตินจะช่วยเพิ่มกากอาหารดูดซับน้ำในลำไส้แล้วพองตัวกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวขับถ่ายออกมาได้ง่าย
ตำรับยาใช้ภายนอก
1. รักษาแผลเรื้อรัง
ส่วนที่ใช้ ผลแก่ดิบ
***ก่อนใช้ยาขนานนี้ควรทดสอบผิวก่อนว่าแพ้ยางมะละกอหรือไม่โดยใช้เอาเนื้อมะละกอไปทาที่ซอกหุหรือข้อพับแขน หากมีผื่นขึ้นหรือรู้สึกแสบร้อนไม่ควรใช้ยาขนานนี้
วิธีใช้ นำผลมะละกอลแก่สดไปปอดเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด สับให้เป็นเส้นเล็ก ๆ นำไปบดหรือตำให้ละเอียด นำไปพอกบริเวณแผล ปิดทับด้วยผ้า สะอาดเปลี่ยยาวันละ 3 ครั้ง เช้า –กลางวัน – เย็น จนกว่าแผลจะหาย
2. ช่วยกัดแผล รักษาตาปลาย และหูด
ส่วนที่ใช้ ยางจากผลดิบ
***ก่อนใช้ยาขนานนี้ควรทดสอบผิวก่อนว่าแพ้ยางมะละกอ หรือไม
วิธีใช้ ใช้ยางจากผลดิบทาบริเวณตาปลาหรือหัวหูดจนกว่าจะหาย
3. แก้พิษตะขามหรือแมลงป่อง
ส่วนที่ใช้ ผลดิบแก่สด
***ก่อนใช้ยาขนานนี้ควรทดสอบผิวก่อนว่าแพ้ยางมะละกอหรือไม่
วิธีใช้ ผ่านเนื้อมะละกอดิบเป็นแผ่นบาง ๆ ให้มียางซึมออกมา แล้วนำไปวางบริเวณที่ถูกต่อย
ตำรับยาใช้ภายใน
1. ใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก และท้องเสีย
ส่วนที่ใช้ ผลสุก
****หากรับประทานมากประจำติดต่อกันนานจะทำให้เป็นโรคทีนีเนีย (โรคผิวสีเหลือง) เพรานะมะละกอสุกจะมีสารแคโรทีนอยอยู่ในปริมาณมาก
วิธีใช้ รับประทานผลสุกเมื่อมีอาการ
2. ขับพยาธิเส้นด้ายในเด็ก
ส่วนที่ใช้ ยางและเมล็ด จากมะละกอแก่ดิบ
วิธีใช้ - ใช้ยางจากผลมะละกอดิบ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับไข่ 1 ฟอง ทอดให้เด็กทานให้หมดตอนเช้าขณะท้องว่าง
- ใช้น้ำยางสด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน 3 – 4 ช้อนโต๊ะ ให้รับประทานครั้งเดียวหมด สำหรับเด็กอายุมากกว่า 10 ขวบ ในเด็กอายุระหว่าง 7 – 10 ขวบ ให้ลดย่างมะละกอเหลือครึ่งหนึ่ง หลังจากทานยานี้ 2 ชั่วโมงให้ทานน้ำมันละหุ่ง 2 – 3 ช้อนชา กระตุ้นให้ขับถ่ายออกมา ควรทานยานี้ติดต่อกัน 2 วัน
- ใช้เมล็ดมะละกอสดหรือ ที่แห้งใหม่ๆ 1 – 1.5 ช้อนกาแฟ คั่วไฟพอให้บดได้ง่าย บดแล้วผสมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมพอหวาน
ทานติดต่อกัน 2 – 3 วัน
ส้มตำมะละกอหลากสูตร ไม่ว่าจะเป็นตำไทย ตำไทยปู ตำปลาร้า ตำปูปลาร้า ตำซั่ว หรือแม้แต่ตำโคราชที่รวมเอาทุกอย่างเข้าด้วยกัน ล้วนอร่อยเด็ดแถมยังหามารับประทานได้ง่าย ด้วยเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกภาค รวมไปถึงชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้ลิ้มรสปาปาย่าสลัดหรือปาปาย่าป๊อก ๆ
ผลดิบหรือผลห่ามยังนิยมนำไปทำแกงส้มปลาช่อนหรือแกงส้มกุ้งแกงเหลือง ผัดกับไข่ ทำต้มจืด หรือนำไปดอง ยางจากผลใช้สำหรับทำให้เนื้อเปื่อยเร็วจะใช้แบบสด ๆ หรือไปซื้อแบบผงที่ขายกันตามท้องตลาดที่เรียกว่าผงเปื่อยก็ได้ ซึ่งยางจากผลมะละกอแก่จะทำให้เนื้อนุ่มกว่าน้ำสับปะรดถึง 20 เท่า ปริมาณที่พอเหมาะสำหรับใช้หมักเนื้อคือ 12 หยดต่อเนื้อ 1 กิโลกรัม เพราถ้าหากใช้มากไปจะทำให้เนื้อเกิดรสขมและมีกลิ่นยางมะละกอแถมไปด้วย ผลสุกใช้รับประทานเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง โดยในผลสีแดงจะมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าพันธุ์สีเหลืองใช้ทำแยม ทำเครื่องดื่มและน้ำหวาน
ลักษณะทั่วไป
มะละกอเป็นไม้เนื้ออ่อนฉ่ำน้ำ มียางสีขาว ไม่มีแก่น วงศ์ CARICACEAE สูง 3 – 6 เมตร ใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก ๆ ออกที่บริเวณยอดลำต้น ดอกตัวผู้และดอกตวเมียอยู่คนละต้น ดอกตัวผู้จะออกเป็นช่อห้อยหัวลงมา ส่วนดอกตัวเมียออกเป็นกระจุกหรือออกดอกเดี่ยว ผลมีหลายลักษณะตามพันธุ์ที่ปลูก เช่น กลม ยาวรี ทรงกระบอก เมื่อยังอ่อนเปลือกนอกสีเขียว เนื้อในสีขาวแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มหรือแดงเมื่อสุก ภายในมีเมล็ดสีดำมีเยื่อหุ้ม
มะละกอขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด โดยก่อนเพาะควรล้างและแกะเยื่อหุ้มออกก่อน ชอบดินที่มีระบายน้ำดีไม่ชอบน้ำท่วมขัง เพราะรากจะเน่าง่ายแต่ต้องการน้ำมากและแสงแดดจัด
คุณค่าทางโภชนาการ
ผลดิบ 100 กรัม
พลังงาน (กิโลแคลอรี่) | คาร์โบไฮเดรต (กรัม) | โปรตีน (กรัม) | ไขมัน (กรัม) | ใยอาหาร (กรัม) | แคลเซียม (มิลลิกรัม) | ฟอสฟอรัส (มิลลิกรัม) | เหล็ก (มิลลิกรัม) |
20 | 4.2 | 0.6 | 0.1 | 2.6 | 3.0 | 1.0 | 0.3 |
วิตามินบีหนึ่ง (มิลลิกรัม) | วิตามินบีสอง (มิลลิกรัม) | ไนอาซิน (มิลลิกรัม) | วิตามินซี (มิลลิกรัม) | ||||
0.03 | 0.1 | 0.2 | 19.0 |
ผลสุก 100 กรัม
พลังงาน (กิโลแคลอรี่) | คาร์โบไฮเดรต (กรัม) | โปรตีน (กรัม) | ไขมัน (กรัม) | ใยอาหาร (กรัม) | แคลเซียม (มิลลิกรัม) | ฟอสฟอรัส (มิลลิกรัม) | เหล็ก (มิลลิกรัม) |
51 | 11.3 | 0.8 | 0.3 | 1.3 | 9.46 | 8.39 | 0.28 |
วิตามินบีหนึ่ง (มิลลิกรัม) | วิตามินบีสอง (มิลลิกรัม) | ไนอาซิน (มิลลิกรัม) | วิตามินซี (มิลลิกรัม) | ||||
173.84 | 0.03 | 0.3 | 35 |
“มะละกอ” ผลไม้ใช้เป็นยา
ในผลดิบมีเอนไซม์หรือน้ำย่อยหลายชนิด ที่สำคัญคือปาเปน (papane) มีคุณสมบัติที่ร่างกายผลิตขึ้นสำหรับย่อยอาหารประเภทโปรตีนและอาหารประเภทแป้ง และยังมีเพ็คติน (pectin) หรือกากอาหารสูง การรับประทานมะละกอดิบจึงมีผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ทว่าในสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานมากนัก เนื่องจากพบว่าในเนื้อมะละกอดิบจะช่วยขับประจำเดือนและทำให้คลอดง่าย สตรีที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ หากทานมากไปอาจทำให้แท้งได้
ยางจากผลดิบใช้ขับพยาธิตัวกลม ช่วยกัดแผล รักษาตาปลาและหูด
ผลสุกจะมีสารอาหารและวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินเอและวิตามินซี ซึ่งช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนี้ยังมีเพ็คติน (pectin) ที่จะช่วยรักษาอาการท้องผูกและท้องเสียในคราวเดียวกัน สำหรับรักษาอาการท้องเสียสารเมื่อกลิ่นของเพ็คตินจะช่วยให้อุจจาระแข็งตัวแทนที่จะถ่ายเหลวออกมา และสำหรับอาการท้องผูกเพ็คตินจะช่วยเพิ่มกากอาหารดูดซับน้ำในลำไส้แล้วพองตัวกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวขับถ่ายออกมาได้ง่าย
ตำรับยาใช้ภายนอก
1. รักษาแผลเรื้อรัง
ส่วนที่ใช้ ผลแก่ดิบ
***ก่อนใช้ยาขนานนี้ควรทดสอบผิวก่อนว่าแพ้ยางมะละกอหรือไม่โดยใช้เอาเนื้อมะละกอไปทาที่ซอกหุหรือข้อพับแขน หากมีผื่นขึ้นหรือรู้สึกแสบร้อนไม่ควรใช้ยาขนานนี้
วิธีใช้ นำผลมะละกอลแก่สดไปปอดเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด สับให้เป็นเส้นเล็ก ๆ นำไปบดหรือตำให้ละเอียด นำไปพอกบริเวณแผล ปิดทับด้วยผ้า สะอาดเปลี่ยยาวันละ 3 ครั้ง เช้า –กลางวัน – เย็น จนกว่าแผลจะหาย
2. ช่วยกัดแผล รักษาตาปลาย และหูด
ส่วนที่ใช้ ยางจากผลดิบ
***ก่อนใช้ยาขนานนี้ควรทดสอบผิวก่อนว่าแพ้ยางมะละกอ หรือไม
วิธีใช้ ใช้ยางจากผลดิบทาบริเวณตาปลาหรือหัวหูดจนกว่าจะหาย
3. แก้พิษตะขามหรือแมลงป่อง
ส่วนที่ใช้ ผลดิบแก่สด
***ก่อนใช้ยาขนานนี้ควรทดสอบผิวก่อนว่าแพ้ยางมะละกอหรือไม่
วิธีใช้ ผ่านเนื้อมะละกอดิบเป็นแผ่นบาง ๆ ให้มียางซึมออกมา แล้วนำไปวางบริเวณที่ถูกต่อย
ตำรับยาใช้ภายใน
1. ใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก และท้องเสีย
ส่วนที่ใช้ ผลสุก
****หากรับประทานมากประจำติดต่อกันนานจะทำให้เป็นโรคทีนีเนีย (โรคผิวสีเหลือง) เพรานะมะละกอสุกจะมีสารแคโรทีนอยอยู่ในปริมาณมาก
วิธีใช้ รับประทานผลสุกเมื่อมีอาการ
2. ขับพยาธิเส้นด้ายในเด็ก
ส่วนที่ใช้ ยางและเมล็ด จากมะละกอแก่ดิบ
วิธีใช้ - ใช้ยางจากผลมะละกอดิบ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับไข่ 1 ฟอง ทอดให้เด็กทานให้หมดตอนเช้าขณะท้องว่าง
- ใช้น้ำยางสด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน 3 – 4 ช้อนโต๊ะ ให้รับประทานครั้งเดียวหมด สำหรับเด็กอายุมากกว่า 10 ขวบ ในเด็กอายุระหว่าง 7 – 10 ขวบ ให้ลดย่างมะละกอเหลือครึ่งหนึ่ง หลังจากทานยานี้ 2 ชั่วโมงให้ทานน้ำมันละหุ่ง 2 – 3 ช้อนชา กระตุ้นให้ขับถ่ายออกมา ควรทานยานี้ติดต่อกัน 2 วัน
- ใช้เมล็ดมะละกอสดหรือ ที่แห้งใหม่ๆ 1 – 1.5 ช้อนกาแฟ คั่วไฟพอให้บดได้ง่าย บดแล้วผสมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมพอหวาน
ทานติดต่อกัน 2 – 3 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น